คุณกำลังอ่าน
อบต.คำนาดี จัดประชุมหารือ รับฟังความเห็น พร้อมผลักดันวัดดานสามัคคีเป็นแหล่งท่องเที่ยวตำบล

ข่าวสาร อบต.
อบต.คำนาดี จัดประชุมหารือ รับฟังความเห็น พร้อมผลักดันวัดดานสามัคคีเป็นแหล่งท่องเที่ยวตำบล
องค์การบริหารส่วนตำบลคำนาดี
วันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม 2564
องค์การบริหารส่วนตำบลคำนาดี จัดประชุมร่วมกับผู้นำชุมชน ผู้นำท้องถิ่น เพื่อหารือ รับฟังความคิดเห็น และเตรียมผลักดันวัดดานสามัคคีเป็นแหล่งท่องเที่ยวประจำตำบล
นายณรงค์ เจริญไทสงค์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลคำนาดี ร่วมกับผู้นำชุมชน ประกอบด้วย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลคำนาดี ได้จัดประชุมเพื่อปรึกษาหารือแนวทางการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในพื้นที่ โดยจะเสนอวัดดานสามัคคี เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนาวัฒนธรรม และเชิงธรรมชาติ ทั้งนี้โดยอยู่ในระหว่างการศึกษาผลกระทบและจัดทำประชาคมของประชาชนในพื้นที่ เพื่อประกอบการพิจารณาในประชุมครั้งต่อไป
นายณรงค์ เจริญไทสงค์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลคำนาดี กล่าวว่า วัดดานสามัคคี ถือเป็นศาสนสถานแห่งหนึ่งของตำบลคำนาดี และยังเป็นวัดประจำตำบลด้วย ซึ่งฟพื้นที่ทั้งหมดของวัดนั้นอุดมไปด้วยป่าไม้ธรรมชาติและแหล่งน้ำโดยพื้นที่ของวัดมีเนื้อประมาณ 377 ไร่ แต่ได้ถูกแบ่งพื้นที่ออกเป็นสองส่วน เนื่องจากได้มีการตัดถนนผ่านทำให้พื้นที่ของวัดแบ่งเป็นสองฝั่งถนน ซึ่งโดยฝั่งด้านบนจะมีลักษณะสูงปกคุมไปด้วยป่าไม้เป็นส่วนใหญ่ และมีถ้ำ เงื้อมผา หิน และกฏิพระภิกษุ ส่วนพื้นที่ฝั่งถนนด้านล่างจะมีลักษณะเป็นลานหินทอดยาวเป็นบริเวณกว้างและมีเนินสูงต่ำสลับกัน และยังมีแหล่งน้ำธรรมชาติเป็นที่ลุ่มน้ำ ประกอบกับมีอาคารสถานปฏิบัติธรรม ศาลาการเปรียญ โรงฉัน โรงครัว อุโบสถ กุฎิของพระภิกษุสามเณร และมีสิ่งก่อสร้างอื่นๆ เช่น รูปปั้นองค์ใหญ่ของเจ้าแม่กวนอิม พระพุทธรูปปรางนาคปรก รอยพระพุทธบาทจำลอง ปัจจุบันวัดดานสามัคคีมีพระภิกษุสามเณรจำพรรษาอยู่รวมไม่ขาด ด้วยภูมิประเทศที่สวยงามและมีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาตินี้ และตำบลคำนาดีไม่มีแหล่งท่องเที่ยว จึงเห็นว่าควรผลักดันและพัฒนาให้วัดดานสามัคคี เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงศาสนาวัฒนธรรม และเชิงธรรมชาติ ของตำบลคำนาดี
ทั้งนี้ ที่ประชุม ได้เห็นพ้องต้องกันว่า การผลักดันให้วัดดานสามัคคีเป็นแหล่งท่องเที่ยวจะเป็นประโยชน์ต่อชุมชนและท้องถิ่น โดยเฉพาะประชาชนที่จะมีรายได้เพิ่มขึ้นตามมา หากมีนักท่องเที่ยงเดินทางมาท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องศึกษาผลกระทบและจัดทำประชาคมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อไป