คุณกำลังอ่าน
ประกาศเคอร์ฟิวทั่วประเทศสกัดโควิด-19 ห้าม ปชช. ออกนอกบ้านตั้งแต่สี่ทุ่มถึงตีสี่ เริ่ม 3 เม.ย. นี้

ประชาสัมพันธ์
ประกาศเคอร์ฟิวทั่วประเทศสกัดโควิด-19 ห้าม ปชช. ออกนอกบ้านตั้งแต่สี่ทุ่มถึงตีสี่ เริ่ม 3 เม.ย. นี้
องค์การบริหารส่วนตำบลคำนาดี
วันพฤหัสบดีที่ 2 เมษายน 2563
นายกรัฐมนตรี ออกประกาศเคอร์ฟิวทั่วประเทศไทย ห้ามบุคคลใดทั่วราชอาณาจักรออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22.00 - 04.00 น เริ่มบังคับใช้ 3 เมษายนนี้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประกาศเคอร์ฟิวทั่วประเทศไทย ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ ศบค. ได้ลงนามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 2) ตามที่ได้มีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรและได้ออกข้อกำหนด (ฉบับที่ 1)
เพื่อให้มีมาตรการต่าง ๆ เพิ่มขึ้นตามความจำเป็นเพื่อแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินให้ยุติลงได้โดยเร็ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 นายกรัฐมนตรีจึงออกข้อกำหนดเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ห้ามบุคคลใดทั่วราขอาณาจักรออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22.00 นาฬิกาถึง 04.00 นาฬิกาของวันรุ่งขึ้น เว้นแต่มีความจำเป็นหรือเป็นผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์ การธนาคาร การขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภค ผลผลิตการเกษตร ยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์ หนังสือพิมพ์ การขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง การขนส่ง พัสดุภัณฑ์ การขนส่งสินค้าเพื่อการนำเข้าหรือส่งออก การขนย้ายประชาชนไปสู่ที่เอกเทศเพื่อกักกันตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ การเข้าออกเวรทำงานผลัดกลางคืนตามปกติหรือการเดินทางมาจากหรือไปยังท่าอากาศยาน โดยมีเอกสารรับรองความจำเป็นหรือเอกสารเกี่ยวกับสินค้าหรือการเดินทาง และมีมาตรการป้องกันโรคตามข้อกำหนด (ฉบับที่ 3) หรือเป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานตามข้อกำหนด ประกาศ หรือคำสั่งต่าง ๆ ของทางราชการ หรือมีเหตุจำเป็นอื่น ๆ โดยได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ใดฝ่าฝืนข้อนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ ตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548
ข้อ 2 ในกรณีที่มีการประกาศ หรือสั่ง ห้าม เตือนหรือแนะนำในลักษณะเดียวกับข้อ 1 วรรคหนึ่ง สำหรับจังหวัด พื้นที่หรือสถานที่ใดโดยกำหนดเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาที่เข้มงวดหรือเคร่งครัดกว่าข้อกำหนดนี้ ให้ปฏิบัติตามประกาศหรือคำสั่งนั้นต่อไปด้วย
ข้อ 3 ในกรณีที่ไม่อาจเคลื่อนย้ายบุคคลใดซึ่งอยู่ระหว่างการเดินทางเพื่อออกไปนอกราชอาณาจักรได้ ให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดหรือคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครจัดที่เอกเทศเพื่อควบคุมหรือกักกันบุคคลดังกล่าว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคตามเงื่อนไขและระยะเวลาที่กำหนด
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน พ.ศ.2563 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง ประกาศ ณ วันที่ 2 เมษายน 2563 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
จากนั้นได้ออกข้อกำหนดออกความในมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 3) โดยออกข้อกำหนดเพิ่มเติม ห้ามบุคคลใดทั่วราชอาณาจักรออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22.00-04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.63 ไปจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงประกาศดังกล่าว โดยมีข้อยกเว้นบุคคลที่ประกอบอาชีพดังต่อไปนี้
1.ผู้ปฏิบัติงานด้านการแพทย์
2.ผู้ปฏิบัติงานด้านการธนาคาร
3.ผู้ปฏิบัติงานด้านการขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภค
4.ผู้ปฏิบัติงานด้านผลผลิตการเกษตร
5.ผู้ปฏิบัติงานด้านยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือแพทย์
6.ผู้ปฏิบัติงานด้านหนังสือพิมพ์
7.ผู้ปฏิบัติงานด้านการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง
8.ผู้ปฏิบัติงานด้านการขนส่งพัสดุภัณฑ์
9.ผู้ปฏิบัติงานด้านการขนส่งสินค้าเพื่อการนำเข้าหรือส่งออก
10.ผู้ปฏิบัติงานด้านการขนย้ายประชาชนไปสู่เอกเทศเพื่อกักกันตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ
11.ผู้ปฏิบัติงานที่มีการเข้าออกเวรทำงานผลัดกลางคืนตามปกติ
12.ผู้ที่เดินทางมาจากหรือไปยังท่าอากาศยาน โดยมีเอกสารรับรองความจำเป็นหรือเอกสารเกี่ยวกับสินค้าหรือการเดินทาง
13.เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานตามข้อกำหนด ประกาศ หรือคำสั่งต่างๆ ของทางราชการ
14.ผู้ที่มีเหตุจำเป็นอื่นๆ โดยได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่